กลยุทธ์จัดการร้านเช่าชุดราตรีให้เป็นร้านยอดนิยม

สังเกตได้เลยว่าในปัจจุบันนี้ ธุรกิจร้านเช่าชุดราตรีมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในอนาคตต่อไป เพราะธุรกิจเช่านี้สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้คนในยุคนี้ได้เป็นอย่างเป็นดีที่ไม่จำเป็นต้องครอบครองเป็นเจ้าของก็สามารถมีชุดสวย ๆ ในหลากหลายสไตล์ใส่เพื่อจุดประสงค์ต่าง ๆ ได้ในทุกโอกาส จนทำให้เกิดการแข่งขันกันระหว่างธุรกิจร้านเช่าชุดไปโดยปริยายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะธุรกิจร้านเช่าที่ทำการตลาดเหมือนกัน เช่น ธุรกิจร้านเช่าชุดแต่งงาน ธุรกิจร้านเช่าชุดราตรี ธุรกิจร้านเช่าชุดแบรนด์เนม เป็นต้น

จะดีกว่าไหม ? ถ้าหากธุรกิจร้านเช่าชุดของคุณ มีกลยุทธ์สุดปังที่จะนำพาธุรกิจของคุณไปสู่ความสำเร็จเหนือว่าคู่แข่งในสนามเดียวกัน จะดีกว่าไหม ? ถ้าหากธุรกิจร้านเช่าชุดของคุณสามารถได้รับความนิยมได้อยากไม่ยากเย็น เพื่อลดความเสี่ยงในการแข่งขันให้น้อยลง

วันนี้เราจึงมี “4 กลยุทธ์จัดการร้านเช่าชุดให้เป็นร้านยอดนิยม” มาเพื่อเป็นข้อแนะนำว่าควรให้ร้านของคุณมีจุดแข็งที่ตรงไหน ต้องเน้นให้ความสำคัญกับอะไร อันจะทำให้ธุรกิจร้านเช่าชุดของคุณประสบความสำเร็จได้อย่างง่ายดาย

1. เน้นคุณภาพของชุดให้ยืนหนึ่ง

แค่มีชุดสุดปังมาสต็อกไว้ในธุรกิจร้านเช่าของคุณ ก็สามารถเรียกความนิยมจากลูกค้าได้ไม่ยาก โดยนิยามของคำว่า “ชุดสุดปัง” นั้น จะหมายถึง ปังทั้งความสวย ปังทั้งคุณภาพ ปังทั้งคัตติ้ง รวม ๆ แล้วชุดแต่ละชุดจะต้องเนี้ยบที่สุดเท่าที่จะเนี้ยบได้ เพราะธุรกิจร้านเช่าชุดนั้นจำเป็นต้องมีการหมุนเวียนชุดไปเรื่อย ๆ เพื่อให้ลูกค้าแต่ละคนเช่าไปในแต่ละวัน ถ้าหากว่าชุดไม่ได้คุณภาพ ก็เกรงว่าซักไม่กี่ครั้งก็ต้องหด ต้องย้วย ต้องพังพินาศ จนทำให้นำมาให้ลูกค้าเช่าต่อไม่ได้ ส่งผลให้กำไรหด ชุดหายไปจากสต็อก เพราะฉะนั้นการเลือกชุดที่จัดเต็มไปด้วยคุณภาพไว้ก่อนจึงจะดีที่สุด ลูกค้าจะประทับใจในชุดของร้านคุณ จนเกิดการบอกแบบปากต่อปาก ทำให้มีคนอยากมาเช่าชุดของร้านคุณอีก สร้างกำไรได้เป็นกอบเป็นกำเลย

2. มีจุดแข็งอยู่ที่ความสะดวก รวดเร็ว

ยุคนี้ทำอะไรก็ต้องเร็ว ต้องไว และต้องสะดวกที่สุด ร้านเช่าชุดที่ดีควรจะต้องจัดการอะไรต่าง ๆ ภายในร้านได้อย่างมืออาชีพที่สุดเท่าที่จะทำได้ ต้องอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ อย่างเช่น ส่งชุดตรงเวลา ให้คำแนะนำลูกค้าให้อย่างรวดเร็ว แก้ปัญหาให้กับลูกค้าได้อย่างฉับไว หรือในกรณีที่ลูกค้าไม่สะดวกที่จะมาที่หน้าร้าน การมีเว็บไซต์ออนไลน์เพื่อให้ลูกค้าเลือกเช่าชุดจากที่ไหนก็ได้ เช่าได้ทุกที่ ทุกเวลา ก็จัดเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างมาก โดยเว็บไซต์เช่าชุดออนไลน์ที่ดีจะต้องใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน ไม่ยุ่งยาก จัดหมวดหมู่ชุดให้ค้นหาได้ง่าย มีรายละเอียดของชุดครบถ้วนสมบูรณ์ อธิบายถึงขั้นตอนการรับ-คืนชุดได้อย่างเข้าใจ และดำเนินการชำระเงินได้อย่างสะดวกรวดเร็ว

3. ทำการตลาดเพื่อส่งเสริมการขายอย่างเหมาะสม

โปรโมชั่น หรือการทำการตลาดลด แลก แจก แถม เพิ่มความคุ้มค่าให้กับลูกค้าโดยที่ร้านไม่เสียกำไร คือสิ่งสำคัญที่จะช่วยดึงดูดลูกค้าได้อย่างดีงาม ช่วยขยายฐานลูกค้าใหม่ให้เพิ่มมากขึ้น รักษาฐานลูกค้าเก่าไว้อย่างเหนียวแน่น เช่น โปรโมชั่นส่งฟรี โปรโมชั่นเช่า 2 ชุด ฟรี 1 ชุด โปรโมชั่นขยายเวลาเช่า เป็นต้น ขึ้นอยู่กับลักษณะและประเภทของร้านเช่าชุดของคุณ

4. มีระบบในการจัดการร้านเช่าชุดที่ดี

การมีระบบในการจัดการร้านเช่าชุดที่ดีจะช่วยลดข้อผิดพลาดในการทำงานให้น้อยลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมยกระดับร้านเช่าชุดของคุณให้กลายเป็นร้านเช่าชุดที่มีระบบการจัดการที่ดีแบบฉบับมืออาชีพ โดยมีทั้งระบบการจัดการหน้าร้านแบบออนไลน์ และในส่วนของเว็บไซต์ที่เป็นร้านค้าออนไลน์เพื่อการเช่าชุดครบวงจร พร้อมให้คุณจัดการทุกเรื่องในร้านเช่าชุดได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็สามารถควบคุมการดำเนินการของร้านได้ทุกที่ทุกเวลา เรื่องสต็อกไม่มีพลาด เรื่องออกใบจองให้ลูกค้าคือเป๊ะปัง เรื่องบัญชีไม่มีหลุด สามารถจัดการทุกอย่างได้เพียงระบบเดียว ระบบดีมีชัยไปกว่าครึ่ง เพียงเท่านี้ร้านเช่าชุดของคุณก็สามารถประสบความสำเร็จได้รวดเร็วกว่าที่คิดแล้ว

ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่จะทำให้ร้านเช่าชุดของคุณกลายเป็นร้านยอดนิยม ทำให้ลูกค้าประทับใจและเกิดการบอกต่อ เพิ่มฐานลูกค้าใหม่ รักษาฐานลูกเก่าเอาไว้อย่างได้ผล

สามารถดูชุดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.beiamdress.com/

เตรียมตัวก่อนรีโนเวทบ้านชั้นเดียว ต้องทำอะไรบ้าง

เตรียมตัวก่อนรีโนเวทบ้านชั้นเดียว ต้องทำอะไรบ้าง เมือรู้เรื่อง รีโนเวทบ้าน แล้ว มาถึงขั้นตอนการเตรียมตัว สำหรับการรีโนเวทบ้าน ไม่ว่าจะเป็นการรีโนเวทบ้านชั้นเดียวหรือกี่ชั้นก็ตาม ก็มีสิ่งที่ต้องเตรียมตัวคล้าย ๆ กัน และถ้าหากคุณอยากจะรีโนเวทบ้านให้ได้บ้านใหม่ที่มั่นคงแข็งแรง งบประมาณไม่บานปลาย ควรตรวจสอบทุกสิ่งเหล่านี้ให้ดี

1. ตรวจสอบกฎหมายให้ถี่ถ้วนก่อน
ข้อสำคัญที่ควรรู้เรื่องรีโนเวทบ้าน และเป็นข้อที่หลายคนที่จะคิดจะรีโนเวทบ้านมักมองข้ามไป คือการกลับมาทบทวนกฎหมายให้ดีก่อน เนื่องจากการต่อเติมหรือรีโนเวทก็นับเป็นการดัดแปลงอาคาร ดังนั้นควรตรวจสอบก่อนว่าบ้านของเราเข้าเงื่อนไขของการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง อะไรที่ห้ามทำเด็ดขาด
โดยหากพิจารณาถึงเงื่อนไขแล้วพบว่า แผนการรีโนเวทของเราเข้าข่ายข้อห้าม ควรปรึกษากับเจ้าหน้าที่โยธาจังหวัดหรือเทศบาลที่สังกัดอยู่ก่อนทำการรีโนเวทบ้าน

2. ถามตัวเองให้ชัดว่าต้องการรีโนเวทเพื่ออะไร
หลายคนมักมีความเข้าใจผิดว่า การรีโนเวทบ้านชั้นเดียวนั้น ใช้งบประมาณน้อยกว่าการซื้อบ้านใหม่ ซึ่งต้องบอกว่าเป็นความเข้าใจที่ถูกเพียงครึ่งเดียว เนื่องจากการรีโนเวทที่ไม่มีการวางแผนและตั้งโจทย์ให้ชัด มักตามมาด้วยปัญหางบประมาณบานปลาย
ดังนั้นก่อนเริ่มวางแผนการรีโนเวท ควรทบทวนตัวเองอีกครั้งว่า เราต้องการรีโนเวทเพื่ออะไร? เพื่อปรับปรุงโครงสร้างบ้าน เพื่อปรับพื้นที่ใช้สอยใหม่ หรือเพื่อบ้านใหม่ในฝัน ซึ่งการตั้งโจทย์ให้ชัด จะทำให้เราสามารถคาดการณ์งบประมาณของการรีโนเวทเบื้องต้นได้

3. ตรวจสอบสภาพบ้านและโครงสร้างปัจจุบัน
หลังจากตอบโจทย์ตัวเองจนแน่ชัดแล้ว ก็มาเริ่มเดินสำรวจสภาพบ้านของเราในปัจจุบันกันก่อน ว่ามีสภาพชำรุดตรงส่วนไหน โครงสร้างหลักของบ้านมีสภาพเป็นอย่างไร และควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญควบคู่กันไปด้วย
เนื่องจากอาคารเก่ามักจะมีปัญหาของระบบโครงสร้างที่ซ่อนไว้ ไม่ว่าจะเป็น เหล็กเส้นในเกิดสนิม เสาคานปริแตก หรือ ผนังรับน้ำหนักร้าว เป็นต้น ซึ่งโครงสร้างเหล่านี้ควรได้รับการปรับปรุงให้แข็งแรงเป็นอันดับแรก

4. ตรวจสอบงานระบบ
หากร่างกายมีเส้นเลือดไว้คอยสูบฉีด บ้านก็มีงานระบบไว้คอยหล่อเลี้ยงเช่นกัน โดยงานระบบไฟฟ้า ระบบน้ำ และระบบอื่น ๆ คือสิ่งสำคัญที่ห้ามละเลยในการตรวจสอบอย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะอาคารเก่าที่มีอายุมากกว่า 10 ปี มักจะมาพร้อมกับระบบที่มีความทรุดโทรม
ดังนั้นจึงควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจสอบอุปกรณ์สายไฟและท่อน้ำว่าสภาพเป็นอย่างไร และหากอาคารมีอายุเก่าเกินกว่า 15 ปี การเปลี่ยนระบบใหม่ทั้งหมด อาจจะคุ้มค่ากว่าการต้องทุบเพื่อซ่อมแซมทีละจุด

5. สรุปสิ่งที่ต้องปรับปรุงและวางแผนการรีโนเวท
เมื่อตรวจสอบวัสดุ โครงสร้าง และอุปกรณ์ทุกอย่างภายในบ้านเรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็เริ่มเข้าโหมดการเดินทางสู่บ้านในฝันได้ โดยควรสรุปสิ่งที่จะต้องมีการปรับปรุง สิ่งที่ต้องทำเพิ่ม และสิ่งที่ต้องรื้อถอนให้ชัดเจน เช่น หากอยากจะทุบผนังเพื่อปรับพื้นที่ใช้สอย ก็ควรเช็กดูให้ดีว่าต้องปรับปรุงซ่อมแซมอะไรบ้าง ซึ่งสำหรับงานรื้อและปรับปรุงโครงสร้าง เพื่อความปลอดภัยในการอยู่อาศัย ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิด

6. ควรเตรียมงบประมาณเผื่อไว้ 10-30%
รู้เรื่องรีโนเวทบ้านต้องรู้งบประมาณ การรีโนเวทนั้นเต็มไปด้วยสิ่งที่ไม่คาดคิดมากมาย แม้จะมั่นใจว่าเราได้ตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้วก็ตาม แต่ก็มักจะเจอปัญหาที่ถูกซ่อนเร้นไว้ ซึ่งลามมาถึงงบประมาณที่กำหนด เพราะฉะนั้นควรเผื่องบประมาณสำหรับปัญหาที่ยังไม่พบประมาณ 10-30% เพื่อป้องกันความล่าช้า ซึ่งจะทำให้งบประมาณบานปลายกว่าเดิม